‘อาหารการกิน’ เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนเรา และเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้รูปแบบการเข้าถึงอาหารการกินของคนเราเปลี่ยนแปลงไป นอกจากจะสะดวกสบายมากขึ้นแล้ว ยังทำให้เราเข้าถึงอาหารการกินที่ส่งตรงมาจากผู้ผลิตได้ง่ายขึ้นด้วย เช่นเดียวกับ Happy Grocers แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซดาวรุ่ง ในรูปแบบร้านจำหน่ายของชำออนไลน์ประเภทสินค้าเกษตรอินทรีย์ ที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ และที่สำคัญไม่สร้างขยะเพราะใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ ขณะเดียวกันก็ทำให้เกษตรกรที่ประสบปัญหา COVID-19 มีช่องทางจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ
ด้วยไอเดียที่ล้ำเลิศและก่อเกิดผลประโยชน์ต่อสังคมจากมันสมองและสองมือของ สุธาสินี สุดประเสริฐ และปัทมาภรณ์ ดำนุ้ย จึงทำให้ Happy Grocers คว้ารางวัลชนะเลิศจาก Startup Thailand League 2020 มาครอง ทั้งๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจนี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี่เอง พวกเธอทั้งสองคนพร้อมบอกเล่าวิสัยทัศน์และแนวคิดในการทำธุรกิจ ตลอดจนความคาดหวังและเป้าหมายในอนาคตผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษนี้

จากความเข้าใจในเกษตรกร แปรเปลี่ยนเป็นธุรกิจที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม
“พวกเราทำงานคลุกคลีกับเกษตรกรอยู่แล้ว เป็นเพื่อนกับพวกเขาหลายคนในเฟซบุ๊ก ในช่วงล็อกดาวน์เห็นว่าพวกเขาไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ ผลผลิตทางการเกษตรตกค้างและเน่าเสีย ขณะเดียวกันก็มีเพื่อนต่างชาติของเราเริ่มบ่นว่าหาผลไม้และผักสดยาก เพราะออกไปซื้อที่ตลาดสดไม่ได้ และก็ไม่อยากจะซื้อในซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะมีราคาแพง และเป็นช่องทางที่เกษตรกรรายย่อยเข้าไม่ถึง พวกเราจึงเก็บข้อมูลอย่างจริงจัง ตระเวนหาซัพพลายเออร์ด้วยตัวเอง คุยกับเกษตรกรโดยตรง ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากสร้าง Fair trade ให้เกิดขึ้นได้จริง เพราะราคาตลาดไม่ใช่ราคาที่ตอบสนองกับสิ่งที่เกษตรกรต้องการ และไม่เป็นธรรมกับลูกค้า”


ทั้งสุธาสินี และปัทมาภรณ์ เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนปริญญาตรี Global Studies and Social Entrepreneurship ที่วิทยาลัยโลกคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยภูมิหลังของการเป็นคนต่างจังหวัด วิชาที่เล่าเรียน และการมีเพื่่อนต่างชาติจำนวนมาก จึงทำให้พวกเธอไม่ใช่คนอื่นคนไกลทั้งยังเข้าใจในสถานการณ์ของเกษตรกรไทย ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ และโหยหาผักและผลไม้อินทรีย์เป็นอย่างดี ขณะที่ชื่อแบรนด์ Happy Grocers ก็มาจากบุคลิกและสไตล์ของทั้งสองคนคนที่สนุกสนาน ตลก เฮฮา พร้อมส่งต่อความสุขให้กับคนรอบข้างด้วยสินค้าเกษตรอินทรีย์มีคุณภาพ ในราคาที่ไม่ขูดเลือดขูดเนื้อ หรือไม่เอาเปรียบใคร โดยสุธาสินี ดูแลด้านการตลาด กลยุทธ์ที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ส่วนปัทมาภรณ์ดูแลด้านการพัฒนาธุรกิจ การปฏิบัติการ และโลจิสติกส์
สะดวกแบบไหนเลือกแบบนั้น สั่งออนไลน์ก็ได้ หรือฟาร์มเคลื่อนที่ก็ดี
“Happy Grocers คือร้านขายของชำออนไลน์เน้นผักและผลไม้ ที่พยายามให้ข้อมูลที่มาที่ไปของผักและผลไม้ ตลอดจนสินค้าต่างๆ ท่ี่นำมาจำหน่ายทุกอย่างกับผู้บริโภค เพราะถ้าเขาไม่รู้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำการตลาดให้พรีเมี่ยม เราบอกเล่าเรื่องราวที่มาที่ไป ใครเป็นคนปลูก ปลูกที่ไหน เราโปร่งใสกับข้อมูลทุกอย่างเช่น กระเทียมปลูกได้เฉพาะบางที่ ไม่ว่าจะในเชิงพาณิชย์หรือไม่เป็นเชิงพาณิชย์ ก็ไม่สามารถปลูกออร์แกนิก แต่ถือว่าอยู่ในเกรดปลอดภัย เป็นการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) ซึ่งหมายถึง แนวทางในการทำการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี ปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด โดยขบวนการผลิตจะต้องปลอดภัยต่อทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมี ไม่ทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม มีการใช้ ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ผลผลิตสูงคุ้มค่าการลงทุน การผลิตตามมาตรฐาน GAP ก่อให้เกิดความยั่งยืนทางการเกษตร สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยให้ได้ราคาที่เป็นธรรม”

“โดยขณะนี้จำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ www.happygrocers.co มีสินค้าอินทรีย์ที่หลากหลายทั้งผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ เบเกอรี่ และอาหารทะเล และมี Service truck ที่ยกเอาฟาร์มขนาดย่อมขึ้นรถและนำไปให้ผู้บริโภคเลือกซื้อถึงที่ตามคอนโดมิเนียม 20 แห่งทั่วกรุงเทพฯ โดยลูกบ้านแต่ละคอนโดฯ รวมกลุ่มกันระบุวันที่สะดวกให้เรานำฟาร์มเคลื่อนที่ไปจำหน่าย เราก็จะรู้ว่าต้องเตรียมสินค้ามาเท่าไหร่ให้พอดีกับความต้องการ ไม่เหลือ ไม่ขาด ช่องทางนี้จะเป็นการสร้างชุมชนและเครือข่ายคนรักสินค้าอินทรีย์ที่เหนียวแน่น เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแบ่งปันความรู้กันว่าสินค้าชนิดนี้แต่ละคนนำไปประกอบอาหารอะไรและอย่างไรบ้าง โดยขณะนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ของเรา คือกลุ่าคนที่เห็นว่าสินค้าของเราเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะสินค้าออร์แกนิกท่ี่จำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ต แม้จะดีต่อสุขภาพแต่ส่วนใหญ่จะห่อหุ้มพลาสติก แบ่งสัดส่วนเป็น export 95% คนไทย 5% แต่ก็พยายามจะสร้างดีมานด์ในกลุ่มลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อยากจะสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและชุมชน มีความกังวลในสินค้าปลอดภัย และต้องการลดปริมาณขยะ”

ปัจจุบันสินค้าของ Happy Grocers มี 53 รายการ เน้นสินค้าทั่วไปที่ให้ลูกค้านำไปปรุงหรือประกอบการอาหารในชีวิตประจำวัน จำหน่ายในราคาที่เป็นมิตร และฉีกภาพลักษณ์สินค้าออร์แกนิกราคาสูงยากจะเอื้อมถึง โดยจำหน่ายในราคาถูกกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ แต่ราคาสูงกว่าตลาดสด เช่น พริกสด 100 กรัม ราคา 14 บาท, เห็ดเข็มทอง 250 กรัม ราคา 40 บาท, มะเขือเทศราชินี 200 กรัม ราคา 30 บาท, ถั่วแดง 250 กรัม ราคา 50 บาท, ปูม้า 500 กรัม ราคา 145 บาท และหมูสับ 200 กรัม ราคา 78 บาท เป็นต้น
“ในอนาคตอาจเพิ่มไลน์สินค้าสำเร็จรูปหรือปรุงแต่งเพิ่มข้ึ้น แต่ตอนนี้เราทำเท่าที่ทรัพยากรที่มีอยู่จะเอื้ออำนวย เพราะหลักๆ แล้วจะทำกันสองคน และมีเพื่อนอีก 6 คน มาช่วยดูด้านเดลิเวอรี่และจัดสรรตาราง Service truck”
นอกจากนี้ จุดแข็งท่ี่ชัดเจนอีกประการของ Happy Grocers คือ การมีทีมเดลิเวอรี่ของตัวเอง นอกจากจะส่งเองในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว ยังให้กลุ่มพนักงานที่บริการเดลิเวอรี่อยู่แล้ว รับออเดอร์แบบเหมา 3-4 ออเดอร์ เพื่อเป็นช่องทางให้คนกลุ่มนี้มีรายได้มากขึ้น

“สำหรับรูปแบบการให้บริการเรากำหนดสั่งซื้อสินค้าขั้นต่ำ 600 บาท จัดส่งทุกวันพุธและวันเสาร์ ปิดรับออเดอร์ก่อน 2 ทุ่มของคืนก่อนหน้าที่จะจัดส่ง ถ้าเป็น Service truck จะโพสต์แจ้งในแฟนเพจของเราให้ลูกค้าเห็น และพรีออเดอร์ก่อน และจัดถุงไว้ให้มารับเอง ไม่ก็ Grab & Go เราจะรวมออเดอร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยไม่เกินเที่ยง ช้าสุดไม่เกินบ่ายสอง เพราะเราต้องสั่งสินค้าจากเกษตรกรก่อน เพื่อให้เขาเตรียมสินค้าให้เราทัน ขอให้มาถึงบ้านเราไม่เกินบ่ายโมง รับจากซัพพลายเออร์ ถ้าราคาต่ำมากจริงๆ เราผ่านไหม เราก็แวะให้ได้ ลูกค้า free delivery โดยให้ในขณะที่ร้านขายของชำออนไลน์ส่วนใหญ่จะใช้ 3rd Party แต่กระนั้นด้วยหลักการของการทำธุรกิจรักษ์โลก สินค้าทุกประเภทจะไม่ห่อหุ้มด้วยพลาสติก แต่จะใช้ถุงกระดาษ หรือ Reuseable contianer เช่น ตะกร้า แทน ทำให้บางครั้งกว่าที่สินค้าจะถึงมือผู้บริโภคอาจไม่ได้อยู่ในสภาพสะสวยเหมือนที่อยู่บนชัั้นวางของซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ซึ่งลูกค้าของ Happy Grocers ก็เข้าใจดี เนื่องจากมี mindset ที่สอดคล้องต้องกันอยู่่แล้วในเรื่องของ Circular Economy ในการที่จะลดพฤติกรรมที่ทำร้ายโลกอันเป็นที่รักของทุกคน ดังนั้นข้อบกพร่องที่จะดูเป็นปัญหาใหญ่ กลับกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ยอมรับได้”
“เราคิดเรื่องสิ่งแวดล้อมค่อนข้างเยอะ รายอื่นอาจใส่ถุงหรือใส่กล่อง แต่เรารู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม ลูกค้าขอบคุณมากๆ ที่ทำตรงนี้ เขาไม่สามารถหาซื้อสินค้าออร์แกนิกในแบบที่ต้องการได้จากที่ไหน เพราะใส่ถุงพลาสติกมาตั้งแต่ต้น แต่ของเราเขารู้ได้แต่แรกว่าไม่มีพลาสติก แน่นอน ความเสียหายที่เกิดขึ้นคือแค่ไม่สวย แต่มันยังกินได้ อร่อยอยู่ เพียงแต่เราต้องสื่อสารกับลูกค้าให้เข้าใจ”
ธุรกิจไม่ใช่การเอาตัวรอด แต่ต้องเติบโตไปพร้อมๆ กัน
ทุกวันนี้ Happy Grocers เน้นนวัตกรรมทางสังคมเป็นหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ แต่ในอนาคตกำลังมองหาแพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เทคโนโลยีทางการเกษตรที่นำมาใช้เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยขณะนี้กำลังคุยกับพาร์ทเนอร์ เปิดรับให้หลายๆ เจ้ามาคุยกัน ไม่ได้โฟกัสที่เม็ดเงิน แต่เน้นว่าจะต้องเป็นการยกระดับภาคเกษตรกรรมของไทย เพราะปรารถนาให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยดีขึ้น
“ต้องยอมรับว่าเกษตรกรบ้านเรายังทำเกษตรแบบเก่าอยู่ เพราะทุนของเขาค่อนข้างน้อย เราจึงออกโมเดลช่วยเหลือให้เกษตรกรทำงานได้หายใจหายคอคล่องขึ้น ไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่หนักเกินไป นั่นก็คือนำเงินที่ลูกค้าจ่ายมาก่อนบางส่วนในรูปแบบของ subscription ให้เกษตรกรนำไปลงทุนปลูกพืชผักผลไม้ เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วค่อยนำผลผลิตมาจำหน่าย”

“นอกจากนี้เรายังมีพันธมิตรที่เคยเป็น Inspector มาก่อน จึงมีความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์เป็นอย่างดี เดินสายให้ความรู้เชิงวิชาการตามชุมชน ในแต่ละจังหวัด ที่จริงออร์แกนิกไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนทำไม่ได้ อยู่ที่ว่ามีความรู้ที่ถูกต้องหรือไม่ ทีมนี้จะให้ความรู้ในการเพาะปลูกพืชผักและผลไม้อินทรีย์ เริ่มตั้งแต่การปรับหน้าดิน”
“ด้านผลตอบรับจากเกษตรกรพบว่าดีมาก เพราะ Happy Grocers ไม่ได้ให้เงินเกษตรกรตามราคาตลาด เราคุยกับเขาอย่างจริงจังว่าต้นทุนแท้จริงเขาเป็นอย่างไร โดยพบว่าส่วนใหญ่ถูกตั้งมาจากกระทรวงพาณิชย์ ไม่เคยรวมถึงค่าแรง เราคิดว่าพวกเขาควรได้รับผลตอบแทนที่เป็น Fair trade”
บทเรียนอันล้ำค่า เกิดจากการลงมือทำ ผิดถูกไม่สำคัญ ขอให้กล้าที่จะปรับเปลี่ยน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของการปลุกปั้น Happy Grocers แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่พวกเธอทั้งสองคนก็ได้เรียนรู้หลายอย่างจากการทำธุรกิจ ทั้งความสามารถในการรับความเสี่ยง และลองสิ่งใหม่ๆ การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ การมองเห็นโอกาสจากวิกฤต เห็นช่องว่างของตลาดที่ไม่เคยได้รับการเติมเต็มจากผู้ประกอบการ ความสำคัญของการหาข้อมูลอย่างรวดเร็ว การดูแลและบริหารจัดการบุคลากรในองค์กร และการจัดการทรัพยากรองค์กร เป็นต้น
“สถานการณ์การแพร่ระบาดที่ลุกลามไปทั่วโลก ทำให้หลายภาคส่วนได้รับผลกระทบ แต่อาหารเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการ เป็นปัจจัย 4 ยิ่งถ้าเป็นอาหารที่ดีมีคุณภาพ เป็นผักผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพด้วยแล้วยิ่งได้รับการตอบรับที่ดีในระยะยาว ลูกค้าชื่นชมเรามาก โชคดีมากเช่นกันที่ลูกค้าอินกับสิ่งที่เราสร้าง มานั่งคุยกับเรา ให้ฟีดแบ็กและคำแนะนำที่ดี กล่าวขอบคุณที่ทำให้เขาช่วยเหลือชุมชนได้มากขึ้น สุขภาพดีขึ้น ลูกค้าส่วนใหญ่บอกผักผลไม้ที่ซื้อจากเรา รสชาติเหมือนกินตอนที่เขาอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดเลย สมัยที่ยังไม่มีซูเปอร์มาร์เก็ต”

ในขณะที่ หลายคนอาจมองว่ามีผู้ประกอบการสังคม (Social Entrepreneurship) ไม่กี่รายที่ประสบความสำเร็จได้ สำหรับ Happy Grocers มองในแง่ธุรกิจก่อนว่ามีความสามารถในการทำเงินได้ไหม หลังจากนั้น จะมาดูกลยุทธ์และแนวทางต่างๆ ว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ดูว่าชุมชนและลูกค้าทุกคนต้องได้ในสิ่งที่ควรจะได้อย่างแท้จริง ไม่มีใครถูกเอารัดเอาเปรียบ ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม
“มันอาจจะไม่ใช่อะไรที่จะต้องแยกกันออกมาเป็นส่วนๆ แต่เราต้องมาตกผลึกให้ได้กับการที่จะทำธุรกิจที่แตกต่างและเป็นธรรมกับทุกคน คืนสิ่งที่ดีงามให้กับสังคม เราปรับแต่งธุรกิจให้เป็นไปในทิศทางนี้ จนมาอยู่ในกลุ่ม SE ในที่สุด และ SE ที่จะประสบความสำเร็จได้ควรมีสมดุล ถ้าผู้ร่วมก่อตั้งคนหนึ่งเป็นสายสังคม อีกคนควรจะเป็นสายธุรกิจ เพื่อให้เกิดการถกเถียงจากมุมมองที่แตกต่าง และนำไปสู่โซลูชั่นที่ลงตัวและดีที่สุด”
มองหาลู่ทางส่งออก สินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยต้องไปไกลในต่างแดน
แม้ธุรกิจในประเทศเพิ่งจะเริ่มตั้งไข่ แต่วิสัยทัศน์ของสองสาวผู้ร่วมก่อตั้ง Happy Grocers ไปไกลกว่าแค่ในไทยแล้ว เพราะพวกเธอเล็งเห็นโอกาสจากตลาดต่างประเทศ ที่กระแสการบริโภคอาหาร ผักและผลไม้อินทรีย์กำลังได้่รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
“เราเจรจากับโรงงานเพื่อทำแพคเกจสำหรับส่งออก ลอตแรกเริ่มส่งไปที่สิงคโปร์ เพื่อจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ แห่งหนึ่งภายในคอนเซ็ปต์ Best products from asia คู่ค้ารายนี้มองเห็นในคุณค่าของสิ่งที่เราทำ เป็นคอนเนคชั่นส่วนตัวของเราที่มีอยู่แล้ว เขาเห็นว่าเราทำงานด้านพัฒนาชุมชนตั้งแต่แรกๆ จนถึงตอนนี้ ถึงเขาหาซื้อสินค้าเหล่านี้ได้จากตลาดทั่วไป แต่เขาอยากได้ของเรา อยากส่งเสริมความมุ่งมั่นตั้งใจของเรา และมั่นใจในการคัดเลือกซัพพลายเออร์ของเรา”
“แม้สินค้าของเราจะบอกรายละเอียดที่มา บอกแหล่งผลิตชัดเจน แต่ก็ไม่กลัวว่าลูกค้าจะแอบไปดีลกับซัพพลายเออร์ เพราะเราทำธุรกิจภายใต้ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง เราไม่ใช่แค่ผู้ขายกับผู้ซื้อ แต่เป็นคู่คิดทางการค้าที่มองความสำเร็จระยะยาวร่วมกันมากกว่า มีอะไรก็ปรึกษาพูดคุยกันตลอด ต่อให้ใครคิดจะทำ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราให้คุณค่าในแง่ความสะดวกด้วย จากการที่เราไปรวบรวมเกษตรกรทั้งประเทศเอง เดินทางไปคุยเอง เราจึงไม่กังวลในเรื่องนี้”

รางวัลไม่ใช่แค่การันตีความสำเร็จ แต่นำไปสู่การต่อยอดได้
สุธาสินี และปัทมาภรณ์บอกว่า ยินดีที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจาก Startup Thailand League 2020 ยินดีที่มีคนเห็นความสำคัญของสิ่งที่พวกเธอทำ และสนุกที่มีเวทีเล่าเรื่อง พร้อมกันนี้ก็ยืนยันที่จะขับเคลื่อนธุรกิจที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงและไอเดียที่แตกต่างนี้ให้เติบโตต่อไป พร้อมกับนำคำแนะนำจากคณะกรรมการไปต่อยอดเพื่อให้สามารถให้บริการได้มีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบกว่าเดิม
“คณะกรรมการได้ให้คำแนะนำเรื่องโลจิสติกส์ เพราะเรายังไม่มีเทคโนโลยีควบคุม Food waste เช่นรถควบคุมอุณหภูมิ แต่กรรมการท่านหนึ่งกำลังทำวิจัยเรื่องนี้อยู่ ก็อาจจะมาเป็นพาร์ทเนอร์กัน นี่คือคอนเนคชั่นที่เราได้ อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นประโยชน์ก็คือ เราได้รับความสนใจในกลุ่มคนไทยมากขึ้น เพราะเราถนัดทำการตลาดกับชาวต่างชาติมากกว่า เมื่อได้รับรางวัลและสื่อต่างๆ ให้ความสนใจบอกเล่าเรื่องราวของเรา ก็เป็นการช่วยให้ Happy Grocersเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนไทยมากขึ้นด้วย”
ความสำเร็จไม่ใช่แค่ยอดขาย แต่เป็นความสัมพันธ์อันดีกับเกษตรกรและลูกค้า
“ยอดขาย ยอดคนซื้อ ยอดวิว ยอดคอมเมนท์ในโซเชี่ยล มีเดีย เป็นความสำเร็จที่จับต้องได้จริง แต่สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้นก็คือความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเกษตรกร และกับลูกค้า ฟีดแบ็กที่ได้รับเป็นสิ่งมีคุณค่ามาก เราอยากรู้ว่าเขาคิดยังไง เราจึงต้องคุยกับลูกค้าเอง การที่รู้จักลูกค้าเป็นการส่วนตัวมันกลายเป็นว่าเราทำ Personalized Marketing โดยไม่รู้ตัว community ที่เกิดขึ้น ก็เป็นมากกว่าธุรกิจด้วยซ้ำไป”
“สำหรับเป้าหมายสูงสุดคือ เราอยากจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันกิจกรรมง่ายๆ เช่นซื้อผักผลไม้ เป็นการลดโลกร้อน เราอยากเป็นเกษตรกรรายย่อยเข้าถึงเทคโนโลยีได้เพื่อสร้างกำลังการผลิตเพิ่มข้น ผลผลิตเกษตรอินทรีย์ในราคาที่กลุ่มคนทั่วไปเข้าถึงผักและผลไม้ปลอดภัยได้”

ส่วนคำแนะนำสำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจหรือสตาร์ทอัพ คือ ให้กล้าที่จะเริ่มต้น อย่ากลัว
“วันแรกที่เริ่มไม่มีเงินเลย เราใช้คอนเนคชั่นที่มีอยู่แล้ว ด้วยทรัพยากรที่มีจำกัด ไม่ต้องรอว่าจะต้องมีเงินก่อนค่อยเริ่ม ไม่ต้องเรียนจบก็ทำได้ ธุรกิจที่เราทำเป็นความสำเร็จเล็กๆ ที่ทำให้เราค่อยๆ ทดสอบ และประเมินโมเดลธุรกิจนี้ไปเรื่อยๆ พอเห็นว่าเริ่มเป็นชิ้นเป็นอัน คนก็จะเริ่มเห็นคุณค่า นี่ถ้ามีคนแนะนำเราตั้งแต่ตอนเรียนปี 1 ก็คงเริ่มทำธุรกิจกันแล้ว”
“เริ่มเล็กๆ สตาร์ทให้ได้ก่อน แล้วจะใหญ่ขึ้นทีหลังได้”
https://www.salika.co/2020/08/21/happy-grocers-agritech-startup-thailand-se/
0 การตอบสนองที่"Happy Grocers เชื่อมเกษตรกรรายย่อยกับผู้บริโภคหัวใจอินทรีย์ วิถี Social Enterprise ที่น่าภาคภูมิใจ"